แพ้อาหาร เป็นอันตรายกว่าที่คุณคิด อาการแพ้อาหารนี้ เป็นปฏิกิริยา ที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายนั้น ตอบสนองต่ออาหารบางชนิด ในแบบผิดปกติ ทำให้มีอาการแพ้เกิดขึ้น เมื่อได้รับประทานอาหารชนิดนั้น ๆ เข้าไป โดยสามารถเกิดได้กับอาหารเกือบทุกชนิดเลยค่ะ
แพ้อาหาร เป็นอันตรายกว่าที่คุณคิด
เราไม่อาจคาดเดา ถึงระดับความรุนแรงของอาการแพ้ได้เลย การเรียนรู้วิธีสังเกตอาการแพ้ วิธีหลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ และการรักษาอาการแพ้อาหาร จะช่วยให้คุณ รับมือกับโรคภูมิแพ้ชนิดนี้ได้อย่างถูกต้อง
เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่ทุกคนที่มีอาการแพ้อาหารประจำตัวอยู่แล้ว เรียนรู้เกี่ยวกับอาการแพ้ของตนเอง และใส่ใจกับอาหารที่รับประทานเข้าไปมากยิ่งขึ้นค่ะ
รู้จักกับอาการแพ้อาหาร
อาการแพ้อาหารนั้น มีตั้งแต่ระดับเล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง บางคนมีอาการแพ้อาหารเพียงเล็กน้อยในครั้งแรก แต่อาจพัฒนาเป็นอาการแพ้อาหารรุนแรงในครั้งถัด ๆ ไปได้
อาการแพ้อาหาร ที่เกิดขึ้นอาจแสดงอาการ ในทางระบบผิวหนัง ในระบบทางเดินอาหาร ในระบบหัวใจหลอดเลือด หรือในระบบทางเดินหายใจ โดยมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างพร้อมกันก็ได้นั่นเอง
ตัวอย่างอาการแพ้อาหาร
- ชา หรือคันที่ปาก ใบหู หรือในลำคอ
- มีผื่นคันเหมือนเป็นลมพิษ ในบางรายอาจมีผิวหนังแดง และรู้สึกคัน แต่ไม่มีผดผื่น
- บวมบริเวณใบหน้า รอบดวงตา ริมฝีปาก ลิ้น เพดานปาก และในลำคอ
- กลืนอาหารลำบาก
- หายใจลำบาก หายใจติดขัด
- วิงเวียนศีรษะคล้ายจะ เป็นลม
- รู้สึกไม่สบาย อาจมีอาการคลื่นไส้ และอาเจียนร่วมด้วย
- ปวดบริเวณท้องน้อย หรือท้องเสีย
- มีอาการคล้ายเป็นไข้ละอองฟาง เช่น จาม หรือคันบริเวณดวงตา และเยื่อบุตา เป้นต้น

ส่วนใหญ่แล้ว อาการแพ้อาหารนั้น จะเกิดขึ้นภายใน 2 ชั่วโมง หลังจากรับประทานอาหารนั้น ๆ และบ่อยครั้งอาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาที
มีบางกรณีที่พบได้น้อยมากคือ อาจใช้เวลา 4 – 6 ชั่วโมง หรือนานกว่านั้นกว่าจะมีอาการ ซึ่งการตอบสนอง ต่อการแพ้ที่ช้านี้ มักพบได้ในเด็ก ที่มีอาการผื่นผิวหนังอักเสบ ( Eczema ) จากอาการแพ้อาหาร
นอกจากนี้ บางคนอาจมีปฏิกิริยาการแพ้อาหาร ที่ตอบสนองช้าแบบอื่น เช่น การแพ้โปรตีนในอาหารจนทำให้เกิดลำไส้อักเสบ โดยจะมีอาการทาง ระบบทางเดินอาหารที่รุนแรง เกิดขึ้นภายใน 2 – 6 ชั่วโมงหลังจากรับประทานนม ถั่วเหลือง ธัญพืช และเนื้อสัตว์บางชนิด
พบได้บ่อย ในเด็กทารกที่รับประทานอาหารเหล่านี้ เป็นครั้งแรก หรือเด็กที่กำลังหย่านม เด็กที่มีอาการแพ้อาหารแบบนี้ อาจมีอาการอาเจียนซ้ำ หรือมีอาการท้องเสียปนเลือดด้วย ซึ่งจะทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ จึงถือเป็นภาวะฉุกเฉิน ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษา ด้วยการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
บางครั้งอาการแพ้อาหาร ก็อาจเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน และรุนแรง หรือที่เรียกว่า “ ภาวะแอนาฟิแล็กซิส ” โดยเป็นอาการแพ้ที่ส่งผลต่อหลาย ๆ ระบบในร่างกายในร่างกายพร้อม ๆ กัน
เริ่มแรกผู้ป่วย มักจะมีอาการคล้ายกับ ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แต่อาจนำไปสู่อาการอื่น ๆ ที่รุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ ดังนี้ค่ะ
- หายใจลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ หายใจเสียงดังฟืดฟาด รวมทั้งมีอาการไอร่วมด้วย
- คอบวม หรือรู้สึกเหมือนมีก้อนบวมอยู่ในลำคอ ทำให้หายใจลำบาก
- หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
- ความดันโลหิตลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดอาการมึนงง สับสน และวิงเวียนศีรษะ
- อยู่ ๆ ก็รู้สึกวิตกกังวล และหวาดกลัวเป้นอย่างมาก
ปฏิกิริยานี้ อาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาที หลังสัมผัสกับอาหารที่แพ้ และทำให้เสียชีวิตได้ จึงถือเป็นภาวะฉุกเฉิน การไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยได้ หากคุณพบผู้ป่วย ที่มีอาการของภูมิแพ้เฉียบพลันรุนแรง
เช่น หายใจไม่ออก วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด มีอาการเหมือนจะเป็นลม หรือหมดสติ อาหารเกือบทุกประเภทสามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้ แต่ก็มีอาหารบางชนิดมักก่อให้เกิดอาการแพ้มากกว่าอาหารอื่น ๆ

สำหรับเด็กเล็กมักพบว่า อาการแพ้มีสาเหตุมาจากอาหารเหล่านี้
- ไข่
- นม เด็กที่มีอาการแพ้นมวัวจะมีโอกาสเสี่ยงแพ้นมทุกชนิด
- ข้าวสาลีหรือแป้งข้าวสาลี
- ถั่วเหลือง
- ถั่วลิสง
- ถั่วตระกูลยืนต้น เช่น อัลมอนด์, วอลนัท, มะม่วงพิมพานต์, แมคคาเดเมีย และ พิตาชิโอ้ เป็นต้น

สำหรับผู้ใหญ่มักพบว่า อาการแพ้มีสาเหตุมาจากอาหารเหล่านี้
- ถั่วลิสง
- ถั่วตระกูลยืนต้น เช่น อัลมอนด์, วอลนัท, มะม่วงพิมพานต์, แมคคาเดเมีย และ พิตาชิโอ้ เป็นต้น
- ปลา
- อาหารทะเลเปลือกแข็ง เช่น ปู ล็อบสเตอร์ กุ้ง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภทใด ก็สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้ โดยจากการศึกษาวิจัยพบว่า ปฏิกิริยาภูมิแพ้อาหาร เกิดจากอาหารจำพวกต่อไปนี้ได้เช่นกัน
- ผักชีฝรั่ง หรือผักขึ้นฉ่าย
- กลูเตน ( Gluten ) โปรตีนชนิดหนึ่งที่พบในข้าว และธัญพืชต่างๆ
- มัสตาร์ด
- งา
- ผักและผลไม้ โดยจะส่งผลทำให้เกิดอาการแพ้บริเวณปาก ริมฝีปาก และในลำคอ
- เมล็ดสน
- เนื้อสัตว์บางชนิด บางคนอาจมีอาการแพ้ต่อเนื้อสัตว์ชนิดเดียว บางคนมีอาการแพ้ต่อเนื้อสัตว์หลายชนิด

อาการแพ้วัตถุเจือปนในอาหารนั้นพบได้น้อยมาก อย่างไรก็ตามสารปรุงแต่งอาหารบางตัวอาจทำให้ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกิดอาการแพ้อาหารขึ้นอย่างกะทันหันได้ เช่น
ซัลไฟต์ หรือสารกันเสียซัลไฟต์
สารกันเสียซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และสารกันเสียซัลไฟต์อื่นๆ ถูกนำมาใช้เพื่อถนอมอาหารประเภทต่างๆ เช่น เครื่องดื่ม ไส้กรอก เบอร์เกอร์ ผัก และผลไม้แห้ง ซัลเฟอร์ไดออกไซด์เกิดขึ้นโดยธรรมชาติจากการผลิตไวน์ และเบียร์ พบว่า ถูกนำมาใช้เติมลงในไวน์ด้วยเช่นกัน
ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด หรือเป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้อาจมีปฏิกิริยาจากการสูดดมซัลเฟอร์ไดออกไซด์ได้ ทว่ามีผู้ป่วยโรคหอบหืดเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่จะเกิดอาการแพ้แบบเฉียบพลันรุนแรงจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของซัลไฟต์
โซเดียมเบนโซเอต
กรดโซเดียมเบนโซเอต และกรดเบนโซเอตอื่นๆ ที่อยู่ในกลุ่มของวัตถุเจือปนอาหารซัลไฟต์ เป็นสารเจือปนที่นำมาใช้ถนอมอาหาร และป้องกันการเกิดเชื้อรา มักนำมาใช้กับน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มต่าง ๆ
โดยกรดเบนโซเอตนี้เกิดขึ้นจากผลไม้ หรือน้ำผึ้งโดยธรรมชาติได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามกรดนี้เป็นสาเหตุของภูมิแพ้ต่าง ๆ ได้ เช่น หอบหืด และโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
ธุรกิจมาแรง น่าลงทุนในปี2020 ต้องเป็นธุรกิจที่ตอบสนองความต้องการ และสอดรับกับเทรนด์พฤติกรรมของลูกค้าเท่านั้นนะคะ ถึงจะไปรอด และจะประสบความสำเร็จ นั่นก็เพราะว่าลูกค้านั้น มีแนวโน้มที่จะใช้บริการร้าน
บทความที่น่าสนใจ : ใบบัวบก ทำอะไรได้บ้าง ?