กิมจิ กับ 6 ประโยชน์ที่มีคุณค่าทางสารอาหาร

“กิมจิ” กับ 6 ประโยชน์ที่มีคุณค่าทางสารอาหาร

กิมจิ กับ 6 ประโยชน์ที่มีคุณค่าทางสารอาหาร

กิมจิ กับ 6 ประโยชน์ที่มีคุณค่าทางสารอาหาร หลายคนคงคุ้นเคยกันบ้างกับ “กิมจิ” เครื่องเคียงผักดอง สไตล์เกาหลีที่นิยม กันมากในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการทานตามซีรีส์ที่ดู หรือชอบเป็นส่วนตัว หรือเป็นเครื่องเคียงที่เสิร์ฟคู่มากับอาหารที่สั่ง หลาย ๆ ร้านก็นำมาเป็นเครื่องเคียงกันซะส่วนใหญ่ มักนำมารับประทานคู่กับเนื้อย่าง หรืออาจนำมาถูกปรุงในเมนูต่างๆ เช่น ข้าวผัดกิมจิ ซุปกิมจิ เป็นต้น ซึ่งวัตถุดิบที่ใช้ทำมาจากผักต่าง ๆ แน่นอนว่าสิ่งที่ถูกทำมาจากผักนั้นล้วนให้ประโยชน์แก่ร่างกายของเราหลากหลายประการ วันนี้เราเลยจะมาบอกประโยชน์ของกิมจิที่เราทานอยู่กันว่าจะมีประโยชน์อย่างไรบ้าง

            “กิมจิ” เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับชาวเกาหลี ดังนั้นเวลามีการเดินทางในต่างแดน ก็ไม่ลืมที่จะพกกิมจิติดตัวไปด้วย กิมจิจึงได้เริ่มแพร่หลายในวงกว้าง โดยช่วงแรกเริ่มเข้าไปในประเทศใกล้เคียงก่อนคือ ประเทศจีน รัสเซีย รัฐฮาวาย และญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศญี่ปุ่น ถือได้ว่าเป็นชาติแรกที่นำกิมจิเป็นเครื่องเคียงในอาหารของชาติตนเอง

“กิมจิ” กับ 6 ประโยชน์ที่มีคุณค่าทางสารอาหาร

โดยเรียก “กิมจิ” ของตนเองว่า คิมุชิ ( Kimuchi ) เพื่อให้เข้ากับการออกเสียงในภาษาญี่ปุ่น และกิมจิชนิดนี้มีการเปลี่ยนแปลงรสชาติให้เข้ากับอาหารญี่ปุ่นมากขึ้น ต่อมากิมจิจึงเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่ชาวต่างชาติ ในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และไทย

                สารอาหารที่ถูกอัดแน่นในผักที่นำมาทำกิมจิ ส่วนใหญ่ประกอบไปด้วย วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี 6 แร่ธาตุ และกรดอะมิโนมากกว่า 34 ชนิด ซึ่งสารอาหารเหล่านั้น อาจมีปริมาณมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีกระบวนการทำ เครื่องปรุง ของแต่ละสูตร แต่โดยรวมแล้ว การรับประทานกิมจิ ในปริมาณที่เหมาะสม อาจเข้ามาช่วยปรับปรุงสุขภาพของเราให้ดีขึ้นได้ ดังนี้

1. สุขภาพหัวใจแข็งแรงขึ้น

จากการศึกษาผู้เข้าร่วมทดสอบจำนวน 100 คน ที่รับประทานกิมจิเข้าไป 15-210 กรัมต่อวัน ผลสรุปออกมาว่าระดับน้ำตาลในเลือด และระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี ที่เชื่อมโยงกับการก่อให้เกิดความเสี่ยง ของโรคหัวใจนั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด

2. เสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

การรับประทานผักที่ผ่านการหมักดอง ทำให้เกิดการก่อตัวของ แลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus) ซึ่งเป็นแบคทีเรียในเชิงบวกที่ดีต่อสุขภาพ จากการศึกษากับหนูทดลอง ที่ได้รับการฉีดแลคโตบาซิลลัสชนิด Plantarum ที่ถูกค้นพบในกิมจิจำนวนมาก พบว่าระดับของ Tumor necrosis factor (TNF)-alpha ที่สร้างความอักเสบของภายในร่างกายลดลง จึงทำให้ไม่เข้าไปขัดขวางการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันมีการทำงานเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ

3. ปรับปรุงระบบความจำ

ในการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ ได้ทำการทดลองกับหนูทดลอง โดยให้หนูบริโภคผัก หรือวัตถุดิบที่นำมาทำกิมจิซึ่งพบว่าพวกมันมีการเกิดระบบความจำ และทักษะที่ดีขึ้น จึงทำให้นักวิจัยได้ดำเนินการพัฒนา และวิเคราะห์ไปถึงการนำมารักษาโรคอัลไซเมอร์ได้ในอนาคต

4. ลดน้ำหนัก

การรับประทานผัก หรืออาหารหมักดอง มักมีตัวเลขของแคลอรี่ที่ต่ำมาก จึงอาจทำให้ผู้ที่รับประทานเข้าไปรู้สึกราวกับว่าน้ำหนักตัวนั้นลดลง แต่ยังไงก็ตามการรับประทานกิมจิควรทานคู่กับเมนูอื่น ๆ ที่มีสารอาหารเพียงพออย่างครบถ้วนตามหลักโภชนาการ เพื่อเป็นการเพิ่มพลังงานในร่างกายของเราในแต่ละวัน และควรออกกำลังกายอย่างเป็นประจำต่อเนื่อง โดยคุณสามารถเข้ารับคำปรึกษาได้จากนักโภชนาการ หรือเทรนเนอร์ควบคู่กันไปด้วยก็ย่อมได้

“กิมจิ” กับ 6 ประโยชน์ที่มีคุณค่าทางสารอาหาร

5. บรรเทาอาการอักเสบ

จากการตรวจสอบสารอาหารในกิมจิ นักวิจัยได้พบสารประกอบชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า HDMPPA ซึ่งอาจมีส่วนช่วย ในเรื่องของการต้านการอักเสบ และบำรุงหลอดเลือดให้มีการไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น ถึงอย่างไรยังคงต้องมีการวิเคราะห์ ศึกษาเพิ่มเติม ถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสารประกอบนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง แต่นอกจากสาร HDMPPA ในกิมจิยังมีโพรไบโอติกส์ (Probiotics) ที่กล่าวมาข้างต้นอาจสามารถเข้าไปต่อต้านอาการอักเสบที่จะเกิดขึ้นแก่อวัยวะ หรือการทำงานของระบบภายในของเราได้เช่นเดียวกันระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี

6. ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี

ด้วยโพรไบโอติกส์ (Probiotics) ในกิมจิ และแบคทีเรียชนิดดีอย่างแลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus) สามารถเข้าไปมีส่วนช่วยสร้าง ให้ระบบย่อยอาหารมีการทำงานที่ดีมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งยังอาจปกป้องคุณจากโรคท้องร่วง ท้องผูก และปรับปรุงสุขภาพในช่องทางเดินอาหารของคุณให้มีความสมดุลยิ่งขึ้น

“กิมจิ” กับ 6 ประโยชน์ที่มีคุณค่าทางสารอาหาร

ผลข้างเคียงของ “กิมจิ” ต่อสุขภาพ

ถึงจะประโยชน์มากมายต่อสุขภาพดังที่กล่าวมาข้างต้น แต่คุณทราบหรือไม่ว่าการทานกิมจิก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณได้เช่นกัน เนื่องจากอาหารหมักดอง มักประกอบไปด้วยเกลือ หรือโซเดียมอยู่จำนวนมาก ทำให้ผู้ที่รับประทานเกินกว่าปริมาณ 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน อาจได้รับความเสี่ยงที่จะทำให้กระเพาะอาหาร ลำไส้ของคุณแปรปรวน

และเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารขึ้น อย่างไรก็ตาม หากคุณมีความประสงค์ต้องการรับประทานกิมจิอย่างปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงการทานแบบสดๆ และหันมารับประทานควบคู่กับข้าวสวยร้อนๆ หรือนำมาปรุงในเมนูอื่นๆ ทดแทน

ถึงแม้ว่ากิมจิจะถูกจัดเป็นหนึ่งในห้าอาหารสุขภาพโดยเฮลท์แม็กกาซีน (Health Magazine) โดยให้เหตุผลว่ากิมจิอุดมด้วยวิตามิน ช่วยในการย่อยอาหาร และอาจจะช่วยรักษาโรคมะเร็ง สรรพคุณในกิมจิได้มาจากหลายปัจจัยเพราะว่ากิมจิทำมาจากผักกาดขาว หัวหอม และกระเทียม

ผักทั้งสามอย่างนี้ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่มันก็อาจจะให้โทษได้เช่นกันหากรับประทานในปริมาณที่มากจนเกินไป ดังนั้นเราควรทานแต่พอเหมาะ ไม่มากเกินไป

จริงหรือไม่? มีประจำเดือน ดื่มน้ำมะพร้าวไม่ได้ หลายคนยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับประจำเดือนเสียด้วยซ้ำ ว่าประจำเดือนเป็นเลือดเสียที่ออกจากร่างกายของผู้หญิง ซึ่งถ้าหากประจำเดือนเกิดมาไม่ปกติหรือไม่มา จะทำให้มีเลือดเสียค้างอยู่ในร่างกาย ความเชื่อนี้ เป็นเรื่องผิด!

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ : สุราเป็นพิษ ชีวิตอาจอันตรายได้!